ตามที่บุคคลบางกลุ่มที่มีความสัมพันธ์และได้รับการสนับสนุนจากบริษัทที่ผลิตและจัดจำหน่ายสารพิษกำจัดศัตรูพืช
3 ชนิด ได้แก่ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส
ซึ่งเป็นสารพิษที่กระทรวงสาธารณสุขและคณะทำงานขับเคลื่อนปัญหาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง
4 กระทรวงหลักมีมติให้ยกเลิกการใช้และจำกัดการใช้ ได้กล่าวหาว่า ศ.นพ.ธีระวัฒน์
เหมะจุฑา นำข้อมูลเท็จเข้าระบบคอมพิวเตอร์และทำให้ตนเองได้รับความเสียหาย โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงนั้น
เครือข่ายเห็นว่าการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นการคุกคามเสรีภาพทางวิชาการ
และหากนักวิชาการชั้นนำของประเทศ
ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
ได้รับรางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาระดับโลก
เช่น ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ยังได้รับการคุกคามเช่นนี้
จะมีนักวิชาการผู้ใดกล้าลุกขึ้นมาเปิดเผยความจริงเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชนได้อีก
?
เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษที่มีอันตรายร้ายแรงฯ
มีหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่าพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลดังกล่าวมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกลุ่มที่เป็นองค์กรบังหน้าซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยสมาคมของบรรษัทข้ามชาติและผู้ประกอบการค้าสารเคมีกำจัดศัตรูพืช
ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ข่มขู่ คุกคาม
ให้นักวิชาการที่เป็นนักวิจัยดีเด่นของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
และเป็นผู้เปิดเผยปัญหาการตกค้างของสารพิษให้ลาออกจากมหาวิทยาลัย เป็นต้น
เครือข่ายฯขอเรียกร้องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังนี้
1. มหาวิทยาลัยควรมีหน้าที่ในการปกป้องเสรีภาพทางวิชาการ โดยเฉพาะบุคลากรของมหาวิทยาลัยที่ปกป้องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของประชาชน
โดยก่อนการตั้งคณะกรรมการสอบสวน
ควรตั้งคณะทำงานที่ปราศจากผลประโยชน์โดยตรงและโดยอ้อมเพื่อตรวจสอบข้อมูลจากผู้กล่าวหาเสียก่อน
เนื่องจากข้อมูลที่อ้างอิงว่า ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เผยแพร่แพร่ข้อมูลเท็จนั้น
เป็นข้อมูลที่มีหลักฐานว่ามาจากนักวิชาการ ศูนย์ และสมาคมฯ
ที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินและการดำเนินงานจากบริษัทที่ค้าสารพิษกำจัดศัตรูพืช
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ควรใช้บทเรียนนี้ในการจัดประชุมทางวิชาการเพื่อให้หน่วยงานของรัฐ สถาบันทางวิชาการ
บุคลากรในมหาวิทยาลัยเอง
และประชาชนทั่วไปได้เข้าใจเรื่ององค์กรบังหน้า (front groups) ซึ่งหน้าฉากเป็นองค์กรทางวิชาการ
องค์กรเกษตรกร องค์กรภาคประชาสังคม ฯลฯ
แต่เบื้องหลังได้รับการสนับสนุนและมีพฤติกรรมปกป้องผลประโยชน์ของบรรษัท
โดยอาจมอบหมายให้สถาบันวิจัยสังคมจุฬาฯ เป็นต้น
ในการทำหน้าที่จัดประชุมวิชาการดังกล่าว
2. สนับสนุนบทบาทของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีระกูล
ซึ่งได้แถลงว่าจะดำเนินการยกเลิกการใช้สารพิษที่มีความเสี่ยงสูงโดยเร็ว โดยขอเรียกร้องให้มีการยกเลิกสารพิษดังกล่าวตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขและคณะทำงานสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง
4 กระทรวงหลัก ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ สภาเกษตรกรแห่งชาติ
คณะกรรมการปฎิรูปประเทศด้านสาธารณสุข
และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ภายในสิ้นปี
2562 นี้ และในกรณีที่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการ
ควรมีบทบาทหน้าที่เฉพาะเรื่องการหาทางเลือกให้แก่เกษตรกรและมาตรการในการสนับสนุนเกษตรกรเป็นสำคัญ
ไม่มีเหตุผลใดๆในการตั้งกรรรมการเพื่อศึกษาเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอีก
3. ขอเรียกร้องให้ประชาชน
รวมทั้งพรรคการเมืองทุกพรรคที่ประกาศว่าจะแบนสารพิษร้ายแรง ร่วมกันตรวจสอบและติดตามการทำหน้าที่ของคณะกรรมการวัตถุอันตราย
ซึ่งที่ผ่านมาได้เพิกเฉยต่อข้อเสนอให้มีการยกเลิกการใช้สารเคมี เช่น การลงมติให้อนุญาตให้มีการใช้พาราควอตต่อไป
โดยไม่มีการเปิดเผยรายชื่อผู้ลงมติ
เพราะอ้างว่าจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของกรรมการบางคน
แทนที่จะคำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั้งประเทศ
รวมทั้งแก้ปัญหาผลประโยชน์และบทบาททับซ้อนในคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งมีกรรมการที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดหรือมีผลประโยชน์ทั้งโดยตรงและโดยอ้อมได้รับการแต่งตั้งอยู่ในคณะกรรมการชุดดังกล่าว
เป็นต้น
ขอเรียกร้องให้สังคมไทยลุกขึ้นมาสนับสนุนผู้กล้าหาญที่เผยแพร่และเปิดโปงเบื้องหลังของปัญหาสารพิษที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ปกป้องเสรีภาพทางวิชาการ
เพื่อหลักประกันว่าสังคมไทยจะปลอดภัยจากสารพิษร้ายแรง
29 สิงหาคม 2562
เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษที่มีอันตรายร้ายแรง 686 องค์กร