เครือข่ายประชาสังคมบุกเกษตรอีกครั้ง ตอกย้ำรัฐแบนยาฆ่าแมลงร้าย

เครือข่ายภาคประชาสังคมเคลื่อนขบวนเข้าพบ รมช.เกษตรฯ ยื่นข้อเรียกร้องไม่ให้ขึ้นทะเบียนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชมีพิษร้ายแรง 4 ชนิด ได้แก่ คาร์โบฟูราน ไดโครโตฟอส เมโทมิล และอีพีเอ็น จี้ถ้าภายใน 3 เดือนไม่มีความคืบหน้าจะเคลื่อนขบวนใหญ่ และฟ้องศาลปกครองกรณีมีผลประโยชน์ทับซ้อนของหน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ด้านอธิบดีกรมวิชาการเกษตรยืนยันปัจจุบันยังไม่มีการขึ้นทะเบียนสารเคมีทั้ง 4 ชนิดนี้ รับลูกเตรียมเสนอแบนสารเคมีทั้ง 4 ชนิด แต่เผยการตัดสินใจสุดท้ายอยู่ที่คณะกรรมการวัตถุอันตราย

วันนี้ (8 ก.พ.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ – เครือข่ายภาคประชาสังคมเคลื่อนขบวนจากบริเวณอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา มายังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อเข้าพบรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เพื่อยื่นข้อเรียกร้องไม่ให้ขึ้นทะเบียนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชมีพิษร้ายแรง 4 ชนิด คือ คาร์โบฟูราน ไดโครโตฟอส เมโทมิล และอีพีเอ็น หลังพบแนวโน้มว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะอนุญาตให้มีการขึ้นทะเบียนสารเคมี อันตรายร้ายแรงเหล่านี้ โดยมีนายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อเรียกร้องแทน และอธิบดีกรมวิชาการเกษตรร่วมชี้แจงให้ข้อมูล

นายอุบล อยู่หว้า ผู้ประสานงานเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกกล่าวว่า เป็นเวลานานกว่า 5 เดือนแล้วหลังการยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรเมื่อ 29 สิงหาคม 2554 ให้มีการระงับการขึ้นทะเบียนสารเคมีอันตรายทั้ง 4 ชนิด รวมถึงเปิดเผยข้อมูลการขึ้นทะเบียนและรายชื่อคณะอนุกรรมการขึ้นทะเบียนที่ เกี่ยวข้องเพื่อความโปร่งใสของกระบวนการ แต่จนถึงปัจจุบัน กรมวิชาการเกษตรซึ่งมีอำนาจหน้าที่โดยตรงในการควบคุมวัตถุอันตรายทางการ เกษตร ยังไม่มีการชี้แจงความคืบหน้าของการดำเนินการในเรื่องนี้ใดๆทั้งสิ้น

“ทางเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกและภาคีขอเรียกร้องให้ กรมวิชาการเกษตรเปิดเผยข้อมูลอย่างเร่งด่วน และมีการจัดเวทีสาธารณะเพื่อชี้แจงข้อมูลต่อประชาชนภายใน 1 เดือน รวมถึงมีการตั้งคณะทำงานพิจารณาการขึ้นทะเบียนสารเคมี 4 ตัวนี้ร่วมกันระหว่างรัฐและภาคประชาชน โดยขอให้ภาคการเมืองที่มีส่วนในการกำหนดนโยบายได้เข้ามาร่วมในคณะทำงานนี้ ด้วย เพื่อให้สามารถตัดสินใจเรื่องการไม่ขึ้นทะเบียนและยกเลิกสารพิษเหล่านี้ได้ ภายใน 3 เดือน เพราะเท่าที่ผ่านมาเรื่องยังไปไม่ถึงไหน แต่ผลกระทบต่อเกษตรกรและผู้บริโภคก็เห็นชัดอยู่แล้ว ส่วนในระยะยาวนั้นต้องมีการพูดคุยเรื่องการควบคุมการโฆษณาของสารเคมีเกษตร ที่กำลังเป็นปัญหามากในตอนนี้”

ด้านนายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผอ.มูลนิธิชีววิถี (BioThai) ชี้แจงว่า หากหลังการเข้าพบ รมช.เกษตรฯ 3 เดือนยังไม่มีความคืบหน้าในการไม่อนุญาตให้ขึ้นทะเบียนสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ที่มีพิษร้ายแรงตามข้อเรียกร้อง ทางภาคประชาสังคมจะรวมตัวกันเคลื่อนขบวนใหญ่อีกครั้งเพื่อทวงถามความเป็น ธรรม และยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกรณีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและมีผลประโยชน์ทับ ซ้อนของหน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้องในการจะอนุญาตให้มีการขึ้นทะเบียน รวมถึงรณณงค์สาธารณะให้เลิกใช้ผลิตภัณฑ์ของบรรษัทสารเคมีที่ขอขึ้นทะเบียน สารเคมีอันตรายเหล่านี้ พร้อมๆ กับเปิดเผยข้อมูลการหลบเลี่ยงภาษีของบรรษัทสารเคมีนี้ด้วย

ขณะที่ นพ.ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีเกษตร (ไทยแพน) กล่าวเสริมว่าปัจจุบัน ผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ยืนยันชัดเจนว่าสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ทั้ง 4 ชนิดมีผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรง มีการตกค้างสูงในพืชผัก และหลายประเทศได้เลิกใช้แล้ว แต่ในกรณีของประเทศไทยมีปัญหาในระดับนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจ มากกว่าสุขภาพของประชาชน

ทั้งนี้ ภายหลังการยื่นข้อเรียกร้อง นายจิรากร โกศัยเสวี อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ชี้แจงว่าปัจจุบันสารเคมีอันตรายร้ายแรงทั้ง 4 ชนิดข้างต้นยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนแต่อย่างใด และทางกรมวิชาการเกษตรเห็นพ้องที่จะเสนอให้มีการแบนสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ทั้ง 4 ชนิดนี้ แม้ว่าอำนาจการตัดสินใจสุดท้ายอยู่ที่คณะกรรมการวัตถุอันตราย โดยจะเตรียมเปิดเผยข้อมูลการขึ้นทะเบียนตามที่ภาคประชาชนเรียกร้องใน 1 สัปดาห์